คุณภาพชีวิตของมนุษย์นั้นเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายประการ และการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาก็เป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งส่งเสริมให้มนุษย์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะช่วยพัฒนาสมรรถภาพทางกายซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งของการมีสุขภาพดี องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO ได้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการศึกษาพื้นฐานเพื่อปวงชนในส่วนที่เกี่ยวกับสุขภาพ โดยแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ด้านสุขภาพ (สุขศึกษา) และด้านสมรรถภาพ (พลศึกษาและกีฬา) ในปีพ.ศ. 2544 ซึ่งจัดเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตลอดชีวิตของมนุษย์ทุกคน (Education is life) พลศึกษาและการกีฬาจึงเป็นสาระที่เรียนรู้และพัฒนาได้ตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย ทั้งนี้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น (Education for life)เมื่อ พ.ศ. 2519 มีการประชุมรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงระหว่างประเทศด้านพลศึกษาและการกีฬาเป็นครั้งแรก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในการประชุมได้เน้นให้ทุกประเทศตระหนักถึงความสำคัญของพลศึกษาและการกีฬาว่าเป็นสิทธิที่มนุษยชนทุกคนพึงได้รับ ดังข้อเสนอแนะว่า1. ให้บรรจุวิชาพลศึกษาไว้ในหลักสูตร โดยกำหนดไว้ในกฎหมายทางการศึกษาของประเทศ2. การจัดโครงการพลศึกษาและกีฬา ควรเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะบุคคลกลุ่มพิเศษ เช่น เด็กที่ไม่ได้รับการศึกษา คนพิการ ลูกกรรมกร ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย3. ให้สตรีมีส่วนร่วมในกิจกรรมพลศึกษาและกีฬามากขึ้น4. การส่งเสริมกีฬาสำหรับปวงชนควรเริ่มจากโรงเรียน เพื่อเป็นการเผยแพร่ไปสู่การเล่นในชีวิตประจำวันข้อเสนอแนะดังกล่าวได้รับการตอบสนองแล้วโดยมีการเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับ พ.ศ. 2540 และในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และข้อ 4. ดูจะเป็นข้อที่น่าสนใจและสำคัญที่สุด เพราะ พลเมืองทุกคนต้องเข้าสู่ระบบโรงเรียนตามการศึกษาภาคบังคับอยู่แล้ว โรงเรียนจึงเป็นสถาบันเริ่มแรกแห่งการปลูกฝังสิ่งทั้งหลายทั้งปวงให้แก่พลเมืองของประเทศตั้งแต่เยาว์วัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายกว่า เพราะ ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก และถ้าทำได้จะเป็นการเรียนรู้หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวรและยังสอดคล้องกับแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่การกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดทำเพื่อให้สอดประสานกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ความคงทนถาวรใน ทัศนคติ ความรู้ ตลอดจนการปฏิบัติเกี่ยวกับการออกกำลังกายเป็นเป้าหมายสุดปรารถนา เพราะนั่นย่อมหมายถึงพฤติกรรมของผู้มีสมรรถภาพทางกาย (สุขภาพ) ที่ดีพ.ศ. 2521 UNESCO ได้ประกาศกฎบัตรหรือปฏิญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับการพลศึกษาและกีฬาไว้ 10 ประการ1. การพลศึกษาและกีฬา เป็นสิทธิขั้นมูลฐานที่พึงมีหรือได้รับของมนุษย์ทุกคน2. การพลศึกษาและกีฬา เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตลอดชีวิต ที่มีความสำคัญในกระบวนการศึกษา3. การจัดโครงการพลศึกษาและกีฬา ควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับบุคคล และสังคมของประเทศนั้น ๆ4. การสอน การฝึก และการบริหารงานพลศึกษาและกีฬา ควรกระทำโดยบุคลากรหรือผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพ5. การพลศึกษาและการกีฬาจะสัมฤทธิผลได้ ต้องมีอุปกรณ์อย่างเพียงพอ6. การวิจัยและการประเมินผล เป็นสิ่งจำเป็นยิ่งในการพัฒนาการพลศึกษาและการกีฬา7. การเผยแพร่และเก็บข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ย่อมช่วยส่งเสริมการพลศึกษาและการกีฬา8. การพลศึกษาและการกีฬาจะก้าวหน้าไปได้ด้วยดี เมื่อมีการร่วมมือกับสื่อมวลชน9. สถาบันต่าง ๆ ของรัฐ เป็นกำลังสำคัญในการทำให้การพลศึกษาและการกีฬาเจริญก้าวหน้า10. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ถือว่าเป็นการส่งเสริมการพลศึกษาและการกีฬาเช่นกันUNESCO ได้ให้ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมการพลศึกษาและกีฬาเพื่อปวงชนไว้ดังนี้1. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ในการจัดกิจกรรมกีฬาเพื่อปวงชน ให้ครอบคลุมบุคคลเหล่านี้ด้วยคือ เด็กหญิงและสตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ไม่รู้หนังสือ เด็กที่ไม่ได้เข้าเรียนหรือออกจากโรงเรียนกลางคัน ประชาชนในชนบท ชนกลุ่มน้อย กลุ่มศาสนา ผู้ตกงาน ผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการ2. แนวการดำเนินงาน- รัฐบาลต้องกำหนดเป็นนโยบายตามหลักสิทธิมนุษยชน ให้ประชากรทุกคนมีโอกาสเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ- ต้องให้การศึกษาและให้โอกาสแก่ประชากรเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา- การจัดกีฬาต้องคำนึงถึง เพศ อาชีพ สุขภาพ และความต้องการของประชากรแต่ละกลุ่ม- การจัดกิจกรรม ต้องสนองตอบความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะเด็กต้องใช้หลักโภชนาการเข้ามาเสริมด้วย- รัฐควรจัดสถานที่บริการกีฬาให้แก่ประชาชน- มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารเพื่อเผยแพร่ความรู้- แต่ละประเทศต้องมีองค์กรระดับชาติทำหน้าที่เป็นศูนย์ข่าวสารการกีฬาแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงาน3. วิธีการจูงใจ- ต้องพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาด้านพลศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษา- ต้องมีการพัฒนาบุคลากรในสายงานการฝึกหัดครู ให้มีความสามารถในการสอนพลศึกษาในโรงเรียนได้ดี- ต้องจัดหลักสูตรให้มีวิชาพลศึกษาทั้งในประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา- ต้องเปิดโอกาสให้ชุมชนได้ใช้สถานที่และอุปกรณ์กีฬาของโรงเรียนด้วย- ต้องจัดสร้างอุปกรณ์และสนามกีฬาสาธารณะเพื่อให้ทุกคนมีโอกาสมาใช้- ต้องหาผู้นำซึ่งเป็นนักการเมือง นักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม ผู้นำในชุมชน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีชักจูงให้บุคคลอื่นเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา- โรงงาน บริษัท และสถานประกอบการ ควรเปิดโอกาส จัดสถานที่และอุปกรณ์ ให้พนักงานมีโอกาสเล่นกีฬา- รัฐควรจัดให้มีเทศกาลกีฬาประจำปี- รัฐต้องหาวิธีจัดหาอุปกรณ์และสถานที่เล่นกีฬาในราคาถูกให้แก่เยาวชนและประชาชนกลุ่มรายได้ต่ำสำหรับเด็กและเยาวชนในวัยเจริญเติบโต การออกกำลังกายและการเล่นกีฬามีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตเท่า ๆ กับอาหาร พันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม เพราะฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญ เติบโตตัวที่เรียกว่า growth hormone (GH) ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นให้ร่างกายนำสารอาหารโปรตีนไปสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อและโครงสร้างของกระดูก ตลอดจนช่วยกระตุ้นให้ร่างกายนำแคลเซี่ยมไปเกาะตามโครงสร้างของกระดูกเป็นผลให้กระดูกเจริญเติบโตทางยาวและแข็งแรงในวัยที่ยังมีการเจริญเติบโตนั้น มีปัจจัยกระตุ้นให้มีการหลังฮอร์โมนชนิดนี้มากขึ้น และทำให้มีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการหลั่ง growth hormone คือ1. การออกกำลังกาย2. ความหิว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อน้ำตาลในเลือดลดลง3. กรดอะมิโน4. การนอนหลับสนิท5. ความตื่นเต้นที่ไม่รุนแรงหรือเฉียบพลันโดยทั่วไปเด็กไทยแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโตดีขึ้น แต่ความสูงเพิ่มขึ้นน้อยมากในขณะที่ความกว้างของร่างกายเพิ่มขึ้น (เพิ่มน้ำหนัก) จนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอ้วน (obesity) ตามมา โดยเฉพาะเด็กในชุมชนเมือง เพราะเด็กในชุมชนเมืองมักมีฐานะเศรษฐกิจดี มีการตื่นตัวเรื่องการดื่มนมมากขึ้น ได้รับไขมันมากขึ้น ต่างจากเด็กในชนบทและเด็กในชุมชนเมื่องที่มีเศรษฐกิจไม่ดีนัก มีแคลเซี่ยมต่ำ (แคลเซียมช่วยให้การหดตัวทำงานของกล้ามเนื้อเป็นไปด้วยดี) ข้อมูลดังกล่าวนี้จึงเป็นเรื่องน่าคิด สำหรับนักพลศึกษาและสุขศึกษา ในการใช้ข้อมูลหรือใช้ประโยชน์จากการออกกำลังกายและโภชนาการ เพื่อการวางแผนแก้ไขให้สอดคล้องเหมาะสมได้ผลดีต่อไป (วาสนา คุณาอภิสิทธิ์. 2541: 13-16)พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นความสำคัญของภาวะโภชนาการกับการเจริญเติบโตของเยาวชน จึงทรงมีพระราชดำริให้ตั้งโรงงานผลิตนมอัดเม็ดขึ้นในพระตำหนักจิตรลดาเพื่อเป็นอาหารเสริมให้แก่เด็กในท้องถิ่นต่าง ๆ เพราะนมมีแคลเซียมที่ช่วยให้การทำงานของกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ที่มา:โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาหนังสือและโฮมเพจ ชุดพัฒนาสังคมตามแนวพระราชดำริ ศูนย์ศึกษาแนวพระราชดำริ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น